Zoho CRM เป็นระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจจัดการ “ลูกค้า – ทีมขาย – โอกาสทางการขาย” ได้ในที่เดียว ตั้งแต่เก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามสถานะดีล ออกใบเสนอราคา ไปจนถึงวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ด้วยจุดเด่นคือใช้งานง่าย ราคาเข้าถึงได้ และเชื่อมต่อกับ Zoho Apps อื่น ๆ ได้แบบอัตโนมัติ
บทความนี้สรุปทุกอย่างที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนเริ่มใช้งานจริง ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการตั้งค่าแบบมืออาชีพ

1) Zoho CRM คืออะไร?
Zoho CRM คือระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลลูกค้า (Customer Relationship Management) ที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมการขายทั้งหมดในที่เดียว เช่น
- ลูกค้ามาจากช่องทางไหน
- อยู่ขั้นตอนไหนของ Pipeline
- ทีมขายคนไหนรับผิดชอบ
- ดีลมีโอกาสปิดมากน้อยแค่ไหน
ระบบสามารถทำงานอัตโนมัติ เช่น ส่งอีเมล รับ Lead จากเว็บไซต์ แจ้งเตือนทีมขาย และสร้างรายงานวัดผลงานแบบเรียลไทม์
2) ฟีเจอร์หลักที่มือใหม่ต้องรู้
● Leads – รายชื่อลูกค้าใหม่
ช่องทางทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่ เช่น ฟอร์มเว็บ, Facebook, Line OA หรือแอดเอง
เป้าหมายคือ “คัดกรองว่าใช่ลูกค้าจริงหรือไม่”
● Contacts & Accounts – ลูกค้า
ใช้เก็บข้อมูลผู้ติดต่อและข้อมูลองค์กร แยกเป็นระเบียบ ช่วยให้ค้นหาเร็วต่อยอดง่าย
● Deals – ดีล / โอกาสการขาย
จัดการ Pipeline ตั้งแต่ “ติดต่อครั้งแรก → เสนอราคา → ปิดการขาย”
เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ต้องเสนอราคา/วัดโอกาสปิดงาน
● Activities – งานที่ต้องทำ
นัดหมาย, โทร, ประชุม, Task ทุกอย่างถูกจัดในปฏิทิน
ช่วยลดการลืมตามงาน
● Workflow Automation – ทำงานอัตโนมัติ
เช่น
- ลูกค้าใหม่เข้ามา → ส่งอีเมลต้อนรับ
- ดีลถึงขั้นเสนอราคา → แจ้งเตือนหัวหน้า
- Lead ไม่ขยับเกิน 3 วัน → สร้าง Task ให้ตามงาน
● Blueprint – บังคับขั้นตอนงาน
เหมาะสำหรับทีมขายหลายคน บังคับขั้นตอนให้เหมือนกันหมด ลดงานตกหล่น
● Reports & Dashboards – รายงาน
แสดงยอดขาย กราฟ Pipeline แหล่งที่มาของ Lead และ KPI ของทีมขายแบบเรียลไทม์
3) มือใหม่เริ่มจากอะไรดี? (Step-by-Step)
STEP 1: ตั้งค่าโครงสร้างระบบ
- เลือกค่าเงิน / Timezone
- แก้ชื่อ Field ตามธุรกิจ
- เพิ่ม Stage ของ Pipeline ให้ตรงโปรเซสจริง
STEP 2: ตั้งทีมขาย
สร้าง Users + Roles + Profiles
เพื่อกำหนดว่าใครเห็นข้อมูลไหนได้บ้าง (สำคัญมาก)
STEP 3: นำเข้าข้อมูลลูกค้า (Import)
สามารถ Import จาก Excel ได้ทันที
ควรแยก Leads / Contacts / Accounts ตามประเภทข้อมูล
STEP 4: ทำฟอร์มรับ Lead
ใช้ Web-to-Lead ของ Zoho CRM หรือเชื่อม Facebook / Line OA / Shopify
เพื่อดึงลูกค้าเข้าระบบแบบอัตโนมัติ
STEP 5: ตั้งค่า Workflow
เช่น
- สร้าง Lead → ส่งอีเมลขอบคุณ
- ดีลเกิน 7 วันไม่ขยับ → แจ้งเตือนทีมขาย
STEP 6: สร้าง Dashboard
เพื่อดูภาพรวม เช่น
- ยอดขายรายเดือน
- จำนวน Lead ต่อช่องทาง
- อัตราการปิดดีล
4) Zoho CRM เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
- ธุรกิจ B2B ที่ต้องเสนอราคา
- บริษัทที่มีทีมขายหลายคน
- ธุรกิจที่มี Lead จากหลายช่องทาง
- ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องติดตามลูกค้าซื้อซ้ำ
- บริษัทที่ต้องการระบบวัดผลงานทีมขายแบบโปร่งใส
5) 5 เหตุผลที่ควรใช้ Zoho CRM
- ใช้งานง่าย เรียนรู้เร็ว
- ราคาเข้าถึงได้กว่าหลายเจ้าในตลาด
- ปรับแต่งระบบได้ละเอียดมาก
- เชื่อมต่อแอป Zoho ทั้งหมดได้ในคลิกเดียว
- มี Automation ลดงานซ้ำ ๆ เพิ่มประสิทธิภาพทีมขาย
6) ตัวอย่าง Dashboard ที่ควรมี
- Sales Funnel
- Lead by Source
- Activities Completed Today
- Conversion Rate
- Top Performing Sales Reps
สรุป
Zoho CRM เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจยุคใหม่ เหมาะทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
ถ้าตั้งระบบถูกตั้งแต่แรก จะช่วยให้กระบวนการขายลื่นไหล ลดงานเสียเวลา เพิ่มยอดขายได้จริงแบบวัดผลได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Black Cat Design 👈



