การใช้ AI ในการวิเคราะห์การลงทุน (Robo-Advisors)

Robo-Advisors หรือ “ที่ปรึกษาอัตโนมัติ” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในต่างประเทศและเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

การลงทุนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีมานี้คือ บทบาทของเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ที่เข้ามาช่วยนักลงทุนตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพให้สามารถ วิเคราะห์ วางแผน และจัดพอร์ตลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
หนึ่งในเครื่องมือที่โดดเด่นที่สุดคือ Robo-Advisors หรือ “ที่ปรึกษาอัตโนมัติ” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในต่างประเทศและเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

Robo-Advisors

Robo-Advisors คืออะไร?

Robo-Advisors คือแพลตฟอร์มการเงินอัตโนมัติที่ใช้ AI + อัลกอริทึม ในการวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน และจัดการพอร์ตให้ผู้ใช้งานโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้จัดการกองทุนแบบดั้งเดิม จุดเด่นคือความ สะดวก รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ

วิธีการทำงานโดยทั่วไป:

  1. ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลเบื้องต้น เช่น รายได้, เป้าหมายการเงิน, ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  2. ระบบ AI จะประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ ร่วมกับข้อมูลมหาศาลจากตลาดการเงิน (Big Data)
  3. ระบบจะสร้างพอร์ตลงทุนอัตโนมัติ พร้อมกระจายความเสี่ยง
  4. มีการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างต่อเนื่องให้เหมาะสมกับสภาพตลาด

ข้อดีของ Robo-Advisors

1. เข้าถึงง่าย

ไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนก้อนใหญ่ เริ่มต้นเพียงไม่กี่พันบาทก็สามารถลงทุนได้ผ่านสมาร์ตโฟน

2. ค่าธรรมเนียมต่ำ

เมื่อเทียบกับการใช้กองทุนที่มีผู้จัดการแบบดั้งเดิม Robo-Advisors ใช้อัลกอริทึมแทน จึงลดต้นทุนด้านค่าธรรมเนียมได้มาก

3. ใช้ Big Data + AI

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเงินมหาศาลในเวลาอันสั้น เพื่อหาความเป็นไปได้และโอกาสลงทุนที่เหมาะสม

4. ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์

ระบบสามารถปรับพอร์ตอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงตามสถานการณ์ตลาด

5. ความเป็นกลาง

ไม่มีอคติในการแนะนำการลงทุน เนื่องจาก AI วิเคราะห์จากข้อมูลจริง ไม่ได้มีแรงจูงใจจากค่านายหน้า

ข้อควรระวังในการใช้ Robo-Advisors

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้ลงทุนควรเข้าใจข้อจำกัดดังนี้:

  • AI ยังไม่สามารถทำนายตลาดได้ 100% → มีความเสี่ยงเหมือนการลงทุนทั่วไป
  • ความเข้าใจของผู้ใช้ยังจำเป็น → ควรรู้จักพื้นฐานการเงิน เพื่อใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความปลอดภัยด้านข้อมูล → ควรเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสูง

Robo-Advisors เหมาะกับใคร?

  • นักลงทุนมือใหม่ → ที่ยังไม่มีความรู้ลึกเกี่ยวกับตลาด
  • ผู้ที่ไม่มีเวลา → อยากให้ระบบดูแลการจัดพอร์ตแบบอัตโนมัติ
  • นักลงทุนที่ต้องการต้นทุนต่ำ → ไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมสูงให้ผู้จัดการกองทุน
  • คนรุ่นใหม่สายดิจิทัล → คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชัน

การเติบโตของ Robo-Advisors ทั่วโลกและในไทย

  • สหรัฐอเมริกา: มีแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Betterment, Wealthfront ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายล้านราย
  • ยุโรปและเอเชีย: Robo-Advisors ได้รับความนิยมในสิงคโปร์, จีน, ญี่ปุ่น
  • ไทย: เริ่มมีการพัฒนาโดยธนาคารและสตาร์ทอัพ FinTech เช่น แพลตฟอร์ม ธนาคารกสิกร, SCB และ FinVest

สรุปท้ายเรื่อง

การใช้ AI กับการลงทุนผ่าน Robo-Advisors ถือเป็นการพลิกโฉมวงการการเงิน ที่ทำให้การลงทุนไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอีกต่อไป ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ค่าธรรมเนียมต่ำ และได้รับคำแนะนำที่แม่นยำขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรใช้เครื่องมือเหล่านี้ควบคู่กับความรู้พื้นฐานทางการเงิน เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกก้าวของการลงทุนในยุคดิจิทัล

หากสนใจติดต่อได้ที่ Facebook นี้ได้เลย คลิ๊ก!!

Share:

More Posts

Zoho Creator สร้างแอป

ในยุคที่ทุกองค์กรต้องเร่ง “เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล” การสร้างระบบงานเฉพาะของบริษัทไม่จำเป็นต้องจ้างทีมโปรแกรมเมอร์อีกต่อไป

Send Us A Message