Conversion คืออะไร
ได้ยินกันมาบ่อยๆ สำหรับคำว่า Conversion แปลตรงตัวคือ “การกระทำที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” แต่ในแง่ของ Digital Marketing แล้ว Conversion คือการกระทำบางอย่างที่คุณต้องการจากลูกค้าที่ทำบนเว็บของคุณไม่ว่าจะเป็นการเข้ามามีส่วนร่วมรูปแบบไหนและนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปลี่ยนแปลงเป็นข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำโฆษณาของคุณ
Conversion จะเป็นการวัดผลการทำโฆษณาว่าสำเร็จหรือล้มเหลว เมื่อมีการใช้ Conversion จะเพิ่มประสิทธิภาพในการขายของคุณอย่างชัดเจน เพราะ Conversion มีการแสดงถึงพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้ากับการเข้ามาทำอะไรที่เว็บของคุณ สถิติ Conversion ดังที่กล่าวมานี้จะมีผลในการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดของคุณให้เข้ากับความต้องการของลูกค้ามากกว่าข้อมูลพื้นฐานธรรมดา การสร้าง Conversion เริ่มด้วยการทำ Conversion Tracking สามารถทำได้ด้วยการเขียนโค้ด Javascript ที่ Copy จาก Google Adwords และ Facebook Ads Manager โดยเจ้าโค้ดตัวนี้นี่แหละที่จะคอยเก็บบันทึกข้อมูลการเกิด Conversion ในเว็บไซต์ของเราเพื่อที่เราจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนโฆษณาต่อไป
ทำไมการทำการตลาดออนไลน์ ถึงต้องการ conversion
การทำ Conversion จะทำให้เราได้ข้อมูลที่มากกว่าข้อมูลความต้องการพื้นฐานของลูกค้า สิ่งที่ลูกค้าได้เข้ามามีส่วนร่วมในเว็บของคุณทำให้แสดงได้ถึงพฤติกรรมความสนใจของลูกค้าลึกลงไปเราสามารถใช้ Conversion นี้มาทำการปรับเปลี่ยนโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น สำหรับการทำ Conversion มีช่องทางที่เราสามารถทำได้หลากหลาย การสร้าง Conversion เป็นอะไรที่เหนือกว่าการวัดผลแบบธรรมดาจึงต้องใช้ความรู้และการเชี่ยวชาญมากขึ้น ตัวอย่าง Conversion เช่น
- การซื้อสินค้า
- การสมัครสมาชิก
- การสมัครรับข่าวสารข้อมูล
- การอ่านบทความในเว็บ
- การตัดจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต
- การดาวน์โหลด
- หรือการกระทำอื่นที่เกิดขึ้นในเว็บไซด์
Conversion ที่เป็น “การซื้อสินค้า” ย่อมเป็น Conversion ที่ถือว่ามีคุณค่าและประโยชน์ต่อธุรกิจกมากที่สุด แต่ Conversion อื่น ๆ ก็ควรมีการเก็บข้อมูลไว้เช่นกัน ซึ่ง Conversion เหล่านั้นจะช่วยทำให้คุณมีโอกาสได้รายชื่อและข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะซื้อสินค้าและบริการของคุณ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และติดตามผลเพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายทำการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของคุณในท้ายที่สุด
ในยุคที่การแข่งขันในโลก E-commerce รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มยอดขายและ Conversion Rate ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและจำเป็นอย่างยิ่ง AI ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้น แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคลที่เหนือกว่า ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
1. ระบบแนะนำสินค้าส่วนบุคคล: AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ประวัติการซื้อ และความสนใจของลูกค้าแต่ละราย เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงใจและเกี่ยวข้องมากที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้า
2. Chatbot อัจฉริยะ: Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบคำถาม แก้ไขปัญหา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า
3. การปรับแต่งเนื้อหาและการตลาดแบบเรียลไทม์: AI สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหา โปรโมชั่น และแคมเปญการตลาดให้ตรงกับความสนใจและความต้องการของลูกค้าในขณะนั้นๆ ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการตลาดและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันที
4. การวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้า: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและแนวโน้มของลูกค้า ช่วยให้คุณคาดการณ์ความต้องการในอนาคต ปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ และนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
5. การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา: AI ช่วยให้ระบบค้นหาบนเว็บไซต์ของคุณมีความชาญฉลาดมากขึ้น สามารถทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติและเจตนาของผู้ค้นหา เพื่อแสดงผลการค้นหาที่แม่นยำและตรงใจลูกค้ามากที่สุด
6. การปรับราคาแบบไดนามิก: AI สามารถวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการของตลาด พฤติกรรมคู่แข่ง และต้นทุนสินค้า เพื่อปรับราคาสินค้าให้เหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายและผลกำไรสูงสุด
การนำ AI มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมบนเว็บไซต์ E-commerce ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายและ Conversion Rate เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและความยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาวอีกด้วย อย่ารอช้าที่จะเริ่มต้นสำรวจและนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ E-commerce ของคุณตั้งแต่วันนี้!