ทุกเว็บไซต์ที่เราใช้งานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเว็บข่าว เว็บขายของออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ล้วนมีรากฐานสำคัญคือ HTML และ CSS หากเปรียบเทียบเว็บไซต์เป็น “บ้าน” HTML ก็คือโครงสร้างบ้านที่วางรากและผนัง ส่วน CSS ก็คือการตกแต่งภายใน–ภายนอกที่ทำให้บ้านดูสวยงามและน่าอยู่ การเข้าใจพื้นฐานของทั้งสองภาษาจึงเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่อยากเข้าสู่โลกการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์

HTML คืออะไร?
HTML ย่อมาจาก HyperText Markup Language ทำหน้าที่สร้าง “โครงร่าง” หรือโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น การแบ่งส่วนเป็นหัวข้อ เนื้อหา ลิงก์ รูปภาพ ปุ่ม และฟอร์มต่าง ๆ หากเว็บไซต์ไม่มี HTML ก็จะไม่สามารถแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจได้
กล่าวได้ว่า HTML คือภาษาที่บอกคอมพิวเตอร์ว่า ข้อมูลไหนคือหัวข้อ ข้อมูลไหนคือย่อหน้า และข้อมูลไหนคือรูปภาพหรือวิดีโอ
CSS คืออะไร?
CSS ย่อมาจาก Cascading Style Sheets เป็นภาษาที่ใช้ควบคุม “รูปลักษณ์และการแสดงผล” ของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ดูสวยงาม มีสไตล์ และเป็นเอกลักษณ์ เช่น การกำหนดสีพื้นหลัง สีตัวอักษร ขนาดฟอนต์ ระยะห่างของข้อความ การจัดวางตำแหน่ง รวมถึงการออกแบบให้เว็บไซต์รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ (Responsive Design)
หากเปรียบเทียบกับบ้าน CSS คือการตกแต่ง สีสัน เฟอร์นิเจอร์ และบรรยากาศที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสะดวกสบาย
การทำงานร่วมกันของ HTML และ CSS
เว็บไซต์จะสมบูรณ์ได้ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของ HTML และ CSS
- HTML ทำหน้าที่กำหนดว่าเว็บไซต์มีส่วนประกอบอะไรบ้าง เช่น หัวข้อ เนื้อหา และรูปภาพ
- CSS ทำหน้าที่กำหนดว่าส่วนประกอบเหล่านั้นจะดูเป็นอย่างไร เช่น สี ฟอนต์ ขนาด หรือการจัดวาง
การผสานสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันทำให้เว็บไซต์ไม่เพียงมีข้อมูลครบถ้วน แต่ยัง ดึงดูดสายตาและใช้งานง่าย
ทำไมต้องเรียนรู้ HTML และ CSS
- เข้าใจพื้นฐานของเว็บไซต์ → แม้จะใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปอย่าง WordPress หรือ Shopify การเข้าใจ HTML และ CSS จะช่วยให้ปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างยืดหยุ่น
- ออกแบบได้อย่างอิสระ → ไม่จำกัดด้วย Theme หรือ Template สำเร็จรูป สามารถสร้างดีไซน์ที่ตรงใจ
- ต่อยอดไปสู่การเรียนรู้ขั้นสูง → เช่น JavaScript, React, Vue หรือแม้แต่การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบ
- เปิดโอกาสการทำงานใหม่ → ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบเว็บไซต์ (Web Designer) นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer) หรือแม้แต่นักการตลาดที่เข้าใจ SEO
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักเจอ
- มองข้ามโครงสร้างที่ถูกต้อง → เช่น ไม่แยกหัวข้อหลักและหัวข้อรอง ทำให้ Google ไม่เข้าใจเนื้อหา
- ตกแต่งมากเกินไป → ใช้สี ฟอนต์ หรือการจัดวางที่ซับซ้อนจนทำให้ผู้ใช้สับสน
- ไม่ทำให้เว็บรองรับมือถือ (Responsive Design) → ปัจจุบันผู้ใช้งานกว่า 70% เข้าผ่านมือถือ หากเว็บไม่รองรับอาจเสียโอกาสมหาศาล
- ไม่สนใจความเร็วในการโหลด → เว็บไซต์ที่ตกแต่งมากเกินไปอาจโหลดช้า ส่งผลเสียต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้งาน
เครื่องมือที่ช่วยให้เรียน HTML และ CSS ง่ายขึ้น
- W3Schools, MDN Web Docs → คู่มือและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย
- FreeCodeCamp → เว็บไซต์เรียนออนไลน์ฟรีพร้อมแบบฝึกหัด
- แพลตฟอร์มอย่าง CodePen, JSFiddle → ทดสอบและลองปรับแต่งดีไซน์ได้ทันที
- Editor ยอดนิยม เช่น Visual Studio Code → เครื่องมือเขียนโค้ดที่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น
แนวโน้ม HTML และ CSS ในอนาคต
- Responsive Design เป็นมาตรฐาน → เว็บไซต์ต้องใช้งานได้บนทุกหน้าจอ
- CSS Frameworks เช่น Bootstrap, Tailwind → ช่วยให้การออกแบบเว็บเร็วและง่ายขึ้น
- Dark Mode และ Theme Switching → กลายเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้คาดหวัง
- Web Accessibility → การออกแบบเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ แม้ผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย
สรุปท้ายเรื่อง
HTML และ CSS คือก้าวแรกที่ทุกคนควรรู้ หากต้องการสร้างหรือปรับแต่งเว็บไซต์ของตัวเอง การเข้าใจสองภาษานี้จะทำให้คุณ ออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างมืออาชีพ ปรับแต่งได้อิสระ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี พร้อมต่อยอดไปสู่การพัฒนาเว็บในระดับที่สูงขึ้น
หากสนใจติดต่อได้ที่ Facebook นี้ได้เลย คลิ๊ก!!



